ทัวร์ลาว หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก 3 วัน 2 คืน (FD) โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย

หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์

3 วัน 2 คืน (TG)

โดยสายการบินไทย

• สุดคุ้ม... ชมเมืองมรดกโลก หลวงพระบาง และชมเมืองหลวงใหม่ นคร     เวียงจันทน์
• ตักบาตรข้าวเหนียว ยามเช้าและ ชมตลาดเช้า เมืองหลวงพระบาง
• ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ พระธาตุพูสี
• ช้อปปิ้ง ตลาดไนท์บาร์ซา สินค้าหัตถกรรม ผ้าทอ , เครื่องเงิน ท้องถิ่น
• ชมวิถีชีวิตพื้นบ้านการกลั่นสุราพื้นบ้านที่ บ้านช่างไห
• ชมประตูประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ประตูชัย นมัสการ วัด   พระธาตุหลวง
• เที่ยวไม่เหนื่อย บินเข้าหลวงพระบาง ออกเวียงจันทน์ พักหลวงพระบาง 1   คืน วังเวียง 1 คืน

วันแรก กรุงเทพฯ - หลวงพระบาง - วัดใหม่สุวรรณภูมาราม - พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง -
ธา12.25 น.ตุพูสี - ตลาดไนท์บาร์ซา เดินทางสู่ สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG576 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.35 ชั่วโมง
14.00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว จากนั้นนำท่านเข้าสู่ตัวเมืองมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ได้ยกให้ เมืองหลวงพระบาง เป็นเมืองวัฒนธรรมโลกและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เนื่องจากมีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์และขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงามและยังสืบทอดจนถึงปัจจุบัน เมืองหลวงพระบาง เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในอดีต โดยพระเจ้าฟ้างุ้มได้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ ของชนเผ่าไท - ลาว ในเขตลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำคาน แม่น้ำอู ก่อตั้งเป็นอาณาจักรล้านช้าง ณ ดินแดนริมน้ำโขง คือ หลวงพระบาง จากนั้นนำท่านชม วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดใหม่" เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาวและยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบางภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ ตัวอุโบสถ (สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกัน ผนังด้านหน้าพระอุโบสถตกแต่งด้วยภาพลงรักปิดทองดูเหลืองอร่ามงามตายาวตลอดผนัง เล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก โดยฝีมือช่างหลวงประจำรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จากนั้นนำท่านเดินชม พระราชวังหลวงพระบาง (พิพิธภัณฑ์) ลักษณะอาคารเก่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมผสานวัฒนธรรมลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระราชวังแห่งนี้อดีตนั้นเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง จากนั้นนำท่านขึ้นสู่ เขาพูสี ขึ้นบันได 328 ขั้น นมัสการธาตุพูสี เจดีย์ธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ตลอดทางขึ้นท่านจะได้รับความกลิ่นหอมจากดอกจำปาลาว (ดอกลีลาวดี) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว เมื่อท่านถึงยอดให้ท่านนมัสการองค์ธาตุ ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุทธ เมื่อปี พ.ศ. 2337 พระธาตุเป็นรูปทรงดอกบัว อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูง 21 เมตร ชมพระอาทิตย์ยามอัสดง วิวทิวทัศน์รอบเมืองหลวงพระบางยามเย็น
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารค่ำอิสระเดินเที่ยวชม ตลาดค่ำ (NIGHT MARKET) บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน ให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าในบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี มีทั้งเสื้อยืดสกรีนเป็นภาษาลาว, ผ้าคลุมไหล่, กระเป๋าถือ, เครื่องประดับ, โลหะเกะสลัก, ภาพเขียน ฯลฯ จุดเด่นคือ สินค้าแทบทุกชิ้นเป็นสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านแท้ๆ วางจำหน่ายในราคาที่ต่อรองกันได้ อีกทั้งยังมีเบเกอรี่ ต่าง ๆ เพื่อให้ท่านได้ลิ้มลอง และขนมเค้กอันแสนอร่อยนานาชนิด หากท่านใดจะเลือกซื้อของใส่บาตรในเช้าวันรุ่งขึ้นก็สามารถจัดแจงหาซื้อได้เช่นกัน
ที่พัก  Phousi Guesthouse ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองหลวงพระบาง
วันที่สอง ตักบาตรข้าวเหนียว - ตลาดเช้า - วัดเชียงทอง - วัดวิชุนราช - พระธาตุหมากโม –
บ้านช่างไห - ถ้ำติ่ง - หลวงพระบาง - วังเวียง
เช้า  บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
ตื่นเช้าทำธุระส่วนตัว จัดแจงเครื่องแต่งกายเพื่อรอ ใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบาง ซึ่งพระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ ทั่วเมืองหลวงพระบางจะออกบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจและสื่อถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวเมืองหลวงพระบาง (ค่าทำบุญ ไม่รวมในรายการ) จากนั้นให้ท่านเดินชม ตลาดเช้า ของชาวหลวงพระบาง ซึ่งเป็นตลาดสดให้ท่านเลือกซื้ออาหารพื้นเมืองและชมของป่าซึ่งของป่าบางชนิดก็แปลกตาและเป็นที่สนใจของเหล่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือน อีกหนึ่งสถานที่ของผู้มาเยือนเมืองหลวงพระบางควรมาเที่ยวชม วัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญและมีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว วัดเชียงทองถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผนังภายในปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ เล่าเรื่องพุทธประวัติพระสุธน-มโนราห์ ทศชาติชาดกและภาพนิทานเพื่อนบ้าน พระประธานมีชื่อว่า “พระองค์หลวง”นอกจากวัดเชียงทองจะมีพระอุโบสถที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างแล้ว การตกแต่งลวดลายตามผนังภายในมีการตบแต่งด้วยการนำกระจกสีมาตัดต่อกันเป็นรูปต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ด้านข้างก็ติดเป็นรูปสัตว์ในวรรคดี ยามบ่ายที่แสงแดดส่องสะท้อนลงมาดูสวยงาม สถานที่ที่เราจะไปเยี่ยมชมอีกที่ซึ่งมีความสำคัญและเรื่องราวยาวนานเช่นเดียวกันคือ วัดวิชุนราช ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช (พ.ศ. 2046) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวหลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง ชาวหลวงพระบาง จึงเรียกชื่อ พระธาตุหมากโม นี้มาจนถึงปัจจุบัน
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางชมวิถีชีวิตของชาวลาวที่ บ้านช่างไห (SANGHAI) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องการต้มเหล้าขาว หรือที่ชาวต่างประเทศเรียกกันว่า “เหล้าลาว (LAU LAO)” แทบทุกหลังคาเรือนจะมีการต้มเหล้า อันเป็นเอกลักษณ์เด่นๆ และเป็นอาชีพหลักของหมู่บ้านซ่างไห นอกจากจะให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการต้มเหล้าแล้วยังมีสินค้าที่เป็นเหล้าหมักอีกมากมาย อาทิเช่น เหล้าดองแมงป่อง เหล้าดองงู จะซื้อเป็นของฝากก็ได้นอกจากจะมีเหล้าต้มแล้วยังมีการทอผ้า เครื่องเงินและของที่ระลึกของชาวเขาเผ่าแม้ววางจำหน่ายอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม ถ้ำติ่ง ตั้งอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ตระหง่านอยู่ริมน้ำโขง เป็นลักษณะถ้ำริมหน้าผามีโพรงถ้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อยเล็กน้อย เดิมมีพระพุทธรูปทอง เงิน นาก ปัจจุบันเหลือแต่พระพุทธรูปไม้จำนวนนับพันองค์ ในอดีตเจ้ามหาชีวิตแห่งหลวงพระบาง ต้องไปสักการะบูชาพระพุทธรูปในถ้ำ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ลาว ทั้งเจ้ามหาชีวิต ข้าราชบริพาร พระสงฆ์ ประชาชนทั่วไปจะเดินทางไปสรงน้ำพระพุทธรูปที่ถ้ำติ่งบนและถ้ำติ่งล่าง 
ดังนั้นถ้ำติ่งจึงเป็นอีกไฮไลสำคัญที่ท่านจะไปไปชมและสักการะพระพุทธรูปภายในถ้ำ สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง วังเวียง อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวใน แขวงเวียงจันทน์ ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 160 ก.ม.ใช้เวลาเดินทาง 3 ช.ม. โดยประมาณ วังเวียง เมืองในลุ่มน้ำซองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยขุนเขากับสายหมอกยามเช้าที่สวยที่สุด ดังคำล่ำลือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองลาว จากนั้นให้ท่านอิสระเดินเล่นถนนคนเดิน กับบรรยากาศสบายๆ ริมน้ำซอง
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  PHOU ANG KHAM RESIDENCE ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองวังเวียง
วันที่สาม วังเวียง - เวียงจันทน์ - ประตูชัย - วัดพระธาตุหลวง - วัดสีสะเกด - หอพระแก้ว -
เวียงจันทน์ - กรุงเทพฯ
เช้า  บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
ตื่นเช้ารับอรุณกับบรรยากาศเย็นสบาย ได้เวลาออกเดินทางไปยัง นครเวียงจันทน์ ระหว่างทางจะเห็นวิถีชีวิตของชาวลาวสองข้างถนนที่ตั้งบ้านเรือนแตกต่างกันออกไป การเดินทางจะไต่ระดับขึ้นสู่ที่สูงสลับที่ลาดเชิงเขา ท่านจะได้พบเห็นป่าไม้และทิวทัศน์ที่สวยงามประกอบกับภูเขาหินปูนที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตาสวยงามและยังคงสามารถรักษาธรรมชาติไว้ได้อย่างดีและสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม ประตูไซ (PATUXAI) หรือ ประตูชัย อนุสาวรีย์ที่ตั้งเด่นตระหง่านในใจกลางเมืองหลวงเวียงจันทน์ สร้างขึ้นระหว่างปี 1957 และ 1968 เพื่อรำลึกถึงวีระชนผู้เสียสละจากสงครามการต่อสู้เพื่อเอกราชจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผสมผสานกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมของลาวซึ่งปรากฏเป็นภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะและรูปวาดสัตว์ในตำนาน เช่น กินรี นักท่องเที่ยวหรือผู้เยี่ยมชมสามารถขึ้นชมวิวทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์ได้อีกด้วย จากนั้นนำท่านนมัสการ พระธาตุหลวง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งของเมืองเวียงจันทน์ ตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย วัดพระธาตุหลวงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศลาว บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชประดิษฐานอยู่ และยังมีร้านค้าจัดจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและหัตถกรรม จากนั้นเดินทางต่อไปยัง วัดสีสะเกด หรือ วัดสตสหัสสาราม กับหอคำ พระราชวังหลวงของกษัตริย์ลาวสมัยก่อน วัดสีสะเกดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2094 โดยพระเจ้าโพธิสารราช พระบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในพุทธศตวรรษที่ 16 สาเหตุที่ได้ชื่อว่าวัดสีสะเกดเพราะอยู่ใกล้กับพระราชวังหลวง พระเจ้าแผ่นดินลาวทุกพระองค์นับแต่พระเจ้าโพธิสารราชผู้สร้างนครหลวงเวียงจันทน์ ทรงบรรทมหันศีรษะมาทางวัดนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย เพราะมีพระพุทธรูปสำคัญของล้านช้างประดิษฐานอยู่หลายองค์ รวมทั้งพระแก้วมรกตที่ทรงอัญเชิญไปจากเชียงใหม่ ดังนั้นวัดนี้จึงถูกเรียกว่า "วัดสีสะเกด" คือวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงบรรทมหันพระเศียร(ศีรษะ)ไปยังที่ตั้งวัด ดุจพระสารีบุตรนอนหันศีรษะไปในทิศที่พระอัสชิอยู่ จากนั้นให้ท่านได้ชม หอพระแก้ว อันเป็นสถานที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญประดิษฐานยังต่างประเทศ หอพระแก้วในปัจจุบันนั้นถูกบูรณะขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2480 - 2483 แม้ว่าหอพระแก้วปัจจุบันจะไม่ใช่วัดอีกต่อไป แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังนครเวียงจันทน์ก็ยังเดินทางมาสักการบูชากันเป็นจำนวนมาก สำหรับส่วนในของพิพิธภัณฑ์นั้น จัดแสดง พระแท่นบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฎก ภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ลาว สำหรับประตูใหญ่ทั้งสองเป็นของเก่าที่หลงเหลือมาแต่เดิม บานประตูจำหลักเป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณโดยรอบของหอพระแก้วเงียบสงบ ร่มเย็นมีไหขนาดกลางจากทุ่งไหหิน ในแขวงเชียงขวางวางตั้งอยู่ 1 ใบ อาณาบริเวณรอบๆ วัดสีสะเกดและหอพระแก้วเคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานปกครองของฝรั่งเศสสมัยอาณานิคมมาก่อน
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
สมควรแก่เวลาอำลานครเวียงจันทน์ เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติวัตไต เพื่อนำท่านเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
21.40 น. นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินไทย (THAI AIRWAYS) เที่ยวบินที่ TG575 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.05 ชั่วโมง
22.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ 

****************************************************
พาสปอร์ตจะต้องมีอายุก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และที่ประเทศลาวปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายไม่ว่ากรณีใดๆ ทิ้งสิ้น


อัตราค่าบริการ (ต่อท่าน) บาท
2 ท่าน 13,000
3 ท่าน 10,400
4 ท่าน 10,000
5 ท่าน 9,400
6 ท่าน 9,000
7 ท่าน 8,600
8 ท่าน 8,000
9-10 ท่าน 7,700

อัตราค่าบริการนี้รวม :
 ค่าที่พัก 2 คืน ห้องละ 2 ท่าน
 ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
 ค่าอาหารตามรายการที่ระบุ
 หัวหน้าทัวร์ หรือมัคคุเทศก์ท้องถิ่นผู้ชำนาญเส้นทางดูแลตลอดการเดินทาง
 ประกันอุบัติเหตุวงเงินท่านละ 200,000 บาท เสียชีวิต 1,000,000 บาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
 สัมภาระน้ำหนักไม่เกินท่านละ 20 กก.

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

 ค่าตั๋วเครื่องบินโดยสารไป – กลับ
 ค่าข้าวเหนียวสำหรับตักบาตร
 ค่าทำหนังสือเดินทางไทย
 ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าอาหาร - เครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
 ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัม
 ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม Vat 7% และ ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%